Langtang Valley
Langtang Valley
5
Tours & experiences
Explore different ways to experience this place.
What is Travellers’ Choice?
Tripadvisor gives a Travellers’ Choice award to accommodations, attractions and restaurants that consistently earn great reviews from travellers and are ranked within the top 10% of properties on Tripadvisor.
Top ways to experience Langtang Valley
The area
Reach out directly
Contribute
Most Recent: Reviews ordered by most recent publish date in descending order.
Detailed Reviews: Reviews ordered by recency and descriptiveness of user-identified themes such as waiting time, length of visit, general tips, and location information.
Popular mentions
5.0
56 reviews
Excellent
48
Very good
8
Average
0
Poor
0
Terrible
0
Meis G
Greater Sydney, Australia22 contributions
Nov 2019 • Couples
I walked the Langtang valley track over 6 days in November 2019. Permits and a Jeep were acquired in Kathmandu with the help of our guide’s company Gorkha Adventure Treks. However we did not have a guide or porter. If doing this trek without a guide or porter make sure you get all your permits in Kathmandu beforehand. The walk was achievable in the 6 days. The hardest part of the trek is the first day walking 10km with an increase in altitude of 1000 metres. All the people we met were friendly but they all seemed to be competing with each other for us to stay at their hotel or their relatives hotel in the next village. It is best for walkers to spread out and try to stay in the smaller villages in between the more common route as described by trekking companies. This way you get to know your host and the people and have a more personal experience. We noted the lack of children in the valley. This is because they are sent to Kathmandu for schooling. If you wanted to take something for the people they would appreciate sneakers/running shoes, sizes 36 to 39. Price of accommodation is reasonable. Best to take your own sleeping bag, bed sheet and pillow case. However not necessary if you want to travel really light. The food is vegetarian in the whole valley. The momos are really delicious.
Written June 25, 2020
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
Clara
World6 contributions
Mar 2023 • Solo
It’s my first time in Nepal and it’s being an amazing experience so far. Langtang Valley Trek is full of diversity between the treks through the forrest, following the river and mountains. I was also able to see different animals along the way. Great place to experience.
Ganga planed my entire trip and I’m most thankful for that. He listed to my requests and took in consideration what I wanted to do and the time that I had. With all of that he prepared a perfect and personalized itinerary.
Going alone I asked him for the best guide! First time and alone… and he succeeded. I had the perfect guide, Uttam. Always with a smile, making sure I was okay all along the way, giving me my time for pictures but at the same time marking the rhythm of the walk. He was also checking how much water I was drinking to avoid a headache and if I was having enough food. He really took a good care of me and that made me feel very confident all the way up.
EBC comes next and I’m of course doing it with him who did it more than 100 times already! I truly suggest you ask for him!
Ganga planed my entire trip and I’m most thankful for that. He listed to my requests and took in consideration what I wanted to do and the time that I had. With all of that he prepared a perfect and personalized itinerary.
Going alone I asked him for the best guide! First time and alone… and he succeeded. I had the perfect guide, Uttam. Always with a smile, making sure I was okay all along the way, giving me my time for pictures but at the same time marking the rhythm of the walk. He was also checking how much water I was drinking to avoid a headache and if I was having enough food. He really took a good care of me and that made me feel very confident all the way up.
EBC comes next and I’m of course doing it with him who did it more than 100 times already! I truly suggest you ask for him!
Written March 15, 2023
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
tigerxmen
Thailand54,853 contributions
Dec 2023 • Solo
เส้นทางเดิน Langtang Valley หรือคนส่วนใหญ่จะเรียกว่าเส้น ลังตังเทรค ในอดีตเส้นทางนี้ยอดนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวจะมากัน เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินชมวิถีท้องถิ่นความเป็นอยู่ของชาวทิเบตที่อพยบมาอาศัยอยู่ประเทศเนปาลในแนวเขตเขาหิมาลัย ที่ยังคงมีอัตลักษณ์แบบชีวิตดั้งเดิมให้ได้สัมผัส,ได้ชมกุหลาบพันปีโดยดอกกุหลาบจะบานสะพรั่งในช่วงเดือน มีนาคม-กลางเดือนพฤษภาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละปี
และถ้าท่านมาเดินเทรคเส้นนี้ในช่วงเดือน พฤศจิกายน แนะนำว่าห้ามพลาด ชิมน้ำผลไม้ท้องถิ่นของลังตังที่ชื่อว่า Seabuckthorn Juice ซึ่งเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ท้องถิ่น ทำมาจากผล Hippophae Salicifolia มีลักษณะเป็นพวง ผลเป็นลูกเล็กๆสีส้ม ชาวพื้นเมืองจะนำมาทำน้ำผลไม้ชนิดนี้ เวลากินจะมีรสหวานอมเปรี้ยว อุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ดื่มแล้วสดชื่นมากๆ แต่ระหว่างทางเดินไต่ระดับไปตามความสูงของเขาก็จะมีผลไม้ชนิดนี้ขึ้นอยู่บริเวณริมทางสามารถเด็ดกินได้เลยฟรีโดยไม่เสียเงิน
ซีบัคธอร์นSea Buckthorn นัับได้ว่าเป็นผลไม้มหัศจรรย์ที่จะทำให้คุณจะต้องทึ่งเป็นพืชโบราณที่ถือว่าเป็นเก่าแก่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง มีอายุยาวนานถึง 65 ล้านปี ได้ชื่อว่าเป็นราชาผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ อุดมไปด้วยคุณค่าของสารอาหารอยู่อย่างมากมายในสมัยกรีกโบราณได้มีการนำซีบัคธอร์นมาใช้เพื่อบำรุงรักษาม้าศึก โดยการนำผลและใบของซีบัคธอร์นมาใช้ในหลายๆวิธีเพื่อดูแลม้าให้มีสุขภาพแข็งแรงมีกำลังวังชา ขนดกมันวาว
ด้วยเหตุนี้ชาวกรีกโบราณจึงเรียกซีบัคธอร์นว่า ฮิปโปฟาเอ (Hippophae) หมายถึงม้าที่มีขนสวยเป็นเงางามผลไม้ชนิดนี้จะขึ้นอยู่ตามบริเวณที่ราบสูงที่มีอากาศหนาวจัดตลอดปี ผลจะมีสีเหลืองอมส้มรสชาติเปรี้ยว
-อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนสูงช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส
-มีวิตามินซีเยอะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่ากินส้ม15เท่า
-มีฟีนอลที่หยุดอ๊อกซิเดชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม
-มีเบต้าแคโรทีนช่วยลดการแก่ก่อนวัยของเซลล์ผิว เป็นต้น
ตามโรงแรมที่พักและร้านชาแถบหิมาลัย จะมีน้ำดื่มที่มีส่วนผสมของผลไม้ชนิดนี้จำหน่ายราคาแพงมากด้วย
ในระหว่างเดินเท้าไปยังจุดหมายปลายทางท่านจะได้เห็นความหลากหลายทางชีวภาพทั้งสัตว์ป่าและป่าไม้ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์เพราะเส้นทางเดินนี้อยู่ในอุทยานแห่งชาติลังตัง จึงได้รับการดูแลและปกป้องเป็นอย่างดี อีกทั้งท่านจะได้มาดื่มด่ำกับทัศนียภาพของหิมาลัยแบบพาโนรามา ซึ่ง Langtang Lirung จะเป็นยอดเขาที่สูงสุดในเขตลังตัง อยู่ที่ระดับความสูงถึง 7,227 เมตร ซึ่งท่านสามารถชมความตระการตานี้ได้ในระยะประชิดจากบริเวณหมู่บ้าน Kyanjin Gompa หรือถ้าหากท่านอยากสัมผัสความงดงามของเขาอย่างใกล้ชิดก็สามารถเดินขึ้นไปพิชิตยอดเขา Kyanjin Ri ที่ระดับความสูง 4,773เมตร, Menchhyamsa Ri ที่ระดับความสูง 4,590 เมตร หรือเดินไปยัง Tsergo Ri ที่ระดับความสูง 4,984 เมตร ได้
และนอกเหนือจากความงดงามของ Langtang Lirung แล้ว ในวันที่ท้องฟ้าเปิดก็ยังจะได้เห็นภูเขาหิมาลัยลูกอื่นๆได้ด้วยเช่น Ganesh Himal , Manaslu, Dorje Lakpa, Langshisha Ri,Gangchhenpo,Yala peak และ Naya Kanga ฯลฯ
แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี2015 ซึ่งเส้นทางเดินนี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ทำให้หมู่บ้านที่อยู่ในแถบนี้ได้รับความเสียหายเยอะรวมไปถึงโรงแรมที่พัก ทำให้นักท่องเที่ยวเบนจุดหมายในการเดินเทรคไปยังเส้นทางอื่นๆแทนอาทิ เช่น เส้น ABC ,เส้น EBC (Everest Base Camp ) , เส้น Mardi Himal Base Camp เป็นต้น
ปัจจุบัน ถนนและเส้นทางเดินได้รับการฟื้นฟู จนสามารถกลับมาเดินเทรคได้แล้ว อีกทั้ง โรงแรมที่พักก็มีการซ่อมแซมก่อสร้างกันขึ้นมาใหม่เพื่อเปิดรับนักเดินทางอีกครั้ง
สำหรับโปรแกรมที่ข้าพเจ้าเดินเทรคเส้นนี้ใช้ระยะเวลาทั้งหมด8วัน โดยเริ่มตั้งแต่
-วันที่1 ออกเดินทางจากโรงแรม Vannasut Hotel and Spa กลางเมืองกาฐมาณฑุ ขึ้นรถจิ๊บส่วนตัว เดินทางไปยัง Syabru Besi ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,450เมตร ใช้ระยะเวลาในการนั่งรถประมาณ6ชั่วโมงโดยประมาณในกรณีท่านนั่งรถจิ๊ฟแบบส่วนตัวแต่ถ้านั่งรถโดยสารขนาดใหญ่ร่วมกันกับผู้อื่นจะใช้เวลาในการเดินทาง8ชั่วโมง เมื่อถึงที่นี่แล้วก็เข้าพักที่โรงแรมที่พัก1คืน โรงแรมที่พักที่นี่มีห้องน้ำส่วนตัวสะดวก
- วันที่2 เริ่มเดินเทคเป็นการเดินย้อนลัดเลาะไปตามสายน้ำหิมาลัยที่ไหลลงมายังที่ต่ำเพื่อเราจะต้องไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆโดยไปพักที่ rimche ที่ระดับความสูง 2,495เมตร พักที่นี่1คืน ใช้เวลาในการเดินพร้อมแวะถ่ายรูปไป7ชั่วโมง รวมแวะกินอาหารมื้อเที่ยงระหว่างทาง โรงแรมที่พักที่นี่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัวเป็นห้องน้ำรวมสะอาดพอสมควร ในห้องพักไม่มีอะไรให้เลยมีเพียงที่นอนและหมอนท่านต้องเตรียมถุงนอนมาอย่างต่ำ1ผืนแต่ข้าพเจ้าเตรียมมา2ผืนโดยนำมาจากเมืองไทย1ผืนและได้จากบริษัททัวร์อีก1ผืน พอจะช่วยให้คลายหนาวได้ และอีกเทคนิคที่ทางทัวร์บอกถ้าอยากให้ภายในถุงนอนอบอุ่นให้ซื้อน้ำร้อนจากร้านอาหารในที่พักใส่ในกระบอกน้ำใสที่เตรียมมาแล้วยัดเข้าไปในถุงนอนมันจะค่อยๆปล่อยความร้อนออกมาซึ่งก็พอจะช่วยลดระดับความหนาวลงได้ประมาณ3-5ชั่วโมงไม่ถึงกับตลอดคืนแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีตัวช่วย และอีกหนึ่งสิ่งที่แนะนำควรเตรียมมาคือถุงทรายร้อน,แผ่นแปะร้อนของญี่ปุ่นก็จะช่วยให้อบอุ่นได้เยอะเช่นกัน
โดยระหว่างเดินของแต่ละวัน ช่วงมื้อกลางวันจะแวะ Tea house กินอาหารของคนท้องถิ่นซึ่งเปิดให้บริการอาหารสไตล์เนปาลซึ่งเป็นอาหารที่มีอัตลักษณ์แสดงถึงวัฒนธรรมดั้งเดิม ชาวเนปาลจะใช้สมุนไพรและเครื่องเทศท้องถิ่นมากมายในการทำอาหารที่มีรสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางอาหารสูง
และมีเมนูอาหารแบบทิเบตผสมผสานอยู่ด้วย โดยทุกเมนูแทบจะไม่มีเนื้อสัตว์ จะเป็นอาหารมังสวิรัติเป็นหลัก โดยวัตถุดิบเช่นผักก็จะปลูกกันเองตามธรรมชาติปลอดภัยไร้สารเคมีและแป้งที่ทำจากข้าวสาลี
ในระหว่างเดินเทรคท่านจะเห็นป้ายภาษาเนปาลบอกให้ทราบว่าที่บริเวณนี้คือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลายจุดตามภูเขาในเนปาล จะมีป้ายแจ้งแก่นักท่องเที่ยวให้รู้ว่า ห้ามกินเนื้อหมู, เนื้อควาย, เนื้อไก่ เนื่องจากชาวเมืองแถวนี้เขาเชื่อว่าเป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าของเขา และเมนูอาหารที่ครอบครัวชาวเนปาลทำก็จะเจอผัก ,ปลา, แป้ง,ไข่, ข้าว เป็นต้น
- วันที่3 เดินเทรคไปยัง Langtang Valley ที่ระดับความสูง 3,430เมตร ใช้เวลาเดิน8ชั่วโมงกับอีก30นาที พักที่นี่1คืน ที่นี่จะมีโรงแรมให้เลือกหลากหลายแบบทั้งแบบโฮมสเตย์ราคาถูกแบบห้องน้ำรวมและโรงแรมที่นี่มีห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องพักสะดวก,สะอาดและได้มาตรฐานกว่าเยอะ ซึ่งข้าพเจ้าก็ลองทั้งสองแบบแต่แนะนำว่าให้เลือกโรงแรม Sunrise Guest House เพราะค่อนข้างได้มาตรฐานสูงในพื้นที่มีห้องน้ำในห้องนอน,อาหารอร่อยและแนะนำว่าให้สั่งนมจามรีหรือนม (ํYak) มากินใส่น้ำผึ้งลงไป อร่อยแบบเหนือคำบรรยาย
ระหว่างเดินเท้าท่านจะพบเห็นตัวจามรีหรือคนท้องถิ่นจะเรียกว่า(Yak) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในสายวงศ์ตระกูลของวัวและควาย (Bovidae) จามรีเป็นสัตว์ในตระกูลวัว มีลักษณะคล้ายวัวกระทิง แต่มีขนยาวดกหนาปกคลุ่มทั่วลำตัว มีหางยาวเป็นพู่ มีเขายาวโค้ง มีจุดเด่นคือมีขนที่ยาวมาก สามารถทนความหนาวเย็นได้ถึง- 40 c° และสามารถกินหิมะและน้ำแข็งแทนน้ำ
มีความสามารถในการคุ้ยหาพืชอาหารภายใต้ชั้นหิมะได้เป็นอย่างดี จึงกล่าวได้ว่าจามรีนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีคุณประโยชน์สูง เหมาะสำหรับพื้นที่สภาพอากาศเลวร้ายและทรัพยากรมีจำกัด ส่วนใหญ่ชาวพื้นเมืองจะนิยมเลี้ยงจามรี ใช้เป็นจามรีสามารถเป็นพาหนะในการนำพาเดินขึ้นเขาหรือที่ราบสูงได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงบรรทุกสิ่งของขึ้นที่ราบสูง นอกจากนั้นก็ยังใช้ประโยชน์ในส่วนของเนื้อและนมนำมาทำเป็นอาหาร, ขนและหนังนำมาทำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม,เพิ่มความอบอุ่นให้กระโจมที่พัก, กระดูกและเขานำมาแกะสลัก เป็นเครื่องมือเครื่องใช้, ไขมันใช้เป็นเชื้อเพลิง
โดยนมของตัวจามรีนี้นอกจากจะนำมาบริโภคสดๆหรือผ่านความร้อนให้สุกแล้วเค้า ยังใช้ทำเป็นเนยแข็งสำหรับชงชาได้ด้วยเพราะมีไขมันสูง ส่วนมูลสัตว์ของจารมีก็สามารถนำไปตากแห้งใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนทรัพยากรไม้ที่มีอย่างจำกัด เรียกได้ว่าสัตว์ชนิดนี้สามารถใช้ประโยชน์ได้ครบทุกส่วน ท่านสามารถจะพบเห็นจามรีเป็นจำนวนมากในบริเวณพื้นที่เขตเทือกเขาหิมาลัย, ตอนใต้ของเอเชียกลาง, ที่ราบสูงทิเบต ไปจนถึงมองโกเลียและรัสเซีย ซึ่งเป็นเขตที่มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ครับ
- วันที่4 เดินเทรคไปยัง Kyangin Gompa ที่ระดับความสูง 3,870เมตร ใช้เวลาเดิน4ชั่วโมงกับอีก30นาที พักที่นี่1คืน ข้าพเจ้าเลือกพักที่โรงแรม Super view โรงแรมที่นี่ภายในห้องนอนปูพรมเพิ่มความอุ่นเท้าได้เยอะและมีห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องพักสะดวกได้มาตรฐาน
- วันที่ 5 วันนี้จะเป็นวันที่หนักและเหนื่อยที่สุดตื่นตั้งแต่3.30น. เริ่มเดินตั้งแต่เวลา5.00น เพราะต้องเดินไต่ระดับความสูงขึ้นไปพิชิตยอดเขา โดยเดินเทรคไปยัง Tseko Ri ที่ระดับความสูง 4,990เมตร ใช้เวลาในการเดินไปและกลับ 9 ชั่วโมง หรือถ้าประเมินสภาพร่างกายแล้วไม่ไหว ก็จะไปแค่ Kyangin Ri ที่ระดับความสูง 4,773เมตร ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินไปและกลับ 6 ชั่วโมง สรุปว่าไปได้เพียงแค่ Kyangin Ri เพราะเวลาไม่พอ กว่าจะกลับลงมาก็เกือบ11.00น.เมื่อลงมาด้านล่างเขาแล้วต้องรีบกินอาหารเช้าที่โรงแรมและเช็คเอ้าท์ออกเพื่อเดินกลับมานอนพักที่ Langtang Valley โดยใช้เวลาในการเดินกลับมาอีก6ชั่วโมงรวมแล้ววันนี้เดินทั้งหมด12ชั่วโมง โดยเข้าพักที่โรงแรม Sunrise Guest House
- วันที่ 6 เดินเทรคย้อนกลับไปทางเดิมซึ่งจะเรียกว่าเดินตามสายน้ำจากหิมาลัย เพื่อกลับไปนอนที่ Lama Hotel ใช้เวลาในการเดิน4ชั่วโมงกับ30นาที พักที่นี่1คืนโดยเข้าพักที่โรงแรมJungle view ที่นี่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัวเป็นห้องน้ำรวมสะอาด,ภายในห้องนอนไม่ใหญ่นักมีผ้าห่มให้และเครื่องนอนให้ครบดีกว่าที่ rimche
- วันที่ 7 เดินเทรคกลับมายัง Syabru Besi และพักที่นี่อีก1คืน ใช้เวลาเดิน 5ชั่วโมงโดยประมาณขาเดินกลับจะใช้เวลาเร็วขึ้นเยอะเพราะไม่ค่อยแวะถ่ายภาพเนื่องจากเก็บรูปและรายละเอียดต่างๆไว้เรียบร้อยหมดแล้วตั้งแต่ขาเดินไป โดยเข้าพักที่โรงแรมRoyal Himalaya Hotel & Lodge ข้าพเจ้ากล้าการันตีได้เลยว่าเป็นโรงแรมที่ได้มาตรฐานดีสุดในละแวกนี้ภายในห้องพักที่นี่มีห้องน้ำส่วนตัวสะดวก,มีผ้าเช็ดตัว,เครื่องนอนคุณภาพดีให้บริการ
-วันที่8 นั่งรถจิ๊บส่วนตัวกลับเมือง กาฐมาณฑุ เข้ากลับไปพักที่โรงแรม Vannasut Hotel and Spa ก่อนเดินทางกลับเมืองไทยในลำดับต่อไป
ห้องพักต่างๆตลอดทางที่เดินไปและกลับจะมีราคาใกล้เคียงกันโดยห้องพักที่ได้มาตรฐานและดีสุดราคาก็ไม่ใช่แพงคืนละ1,000รูเปียเท่านั้นถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ350บาทต่อคืน ดังนั้นแนะนำว่าให้ท่านเลือกโรงแรมดีสุดของแต่ละจุดเท่าที่จะวางแผนเลือกได้
ปัจจัยด้านอาหารคือสิ่งที่แพงสุดแต่นั่นก็คือรายได้เสริมของแต่ละโรงแรมที่พักอย่างข้าพเจ้ากินอาหารเช้า,และค่ำ ไม่รวมร้านอาหารระหว่างทางจะตกอยู่ที่วันละ2,500ถึง3,500รูเปีย คิดเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ1,225บาท ไม่รวมอาหารมื้อกลางวันระหว่างเดินกลางทางก็อยู่อีกประมาณ1,500รูเปีย คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ525บาท ดังนั้นถ้าไม่เตรียมอาหารไปกินเองแบบประหยัดจริงๆค่าอาหารคือค่าใช้จ่ายเยอะสุดประมาณวันละ1,500-2,000บาท
ซึ่งท่านต้องทำใจยอมรับข้อนี้ให้ได้ ที่อาหารแพงเพราะขนส่งลำบากต้องจ้างคนเดินเท้าหรือใช้การขนส่งด้วยม้า ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่างๆจะสูง อีกทั้ง อาหารแต่ละมื้อที่เรากิน จะรวมอาหารสำหรับไกด์และลูกหาบของเราแล้ว ซึ่งทางโรงแรมและร้านอาหารจะเตรียมอาหารท้องถิ่นที่ชื่อว่า“Dal Bhat”
Dal แปลว่า ซุปถั่ว
Bhat แปลว่า ข้าว
อาหารประจำชาติเนปาลจานนี้จึงแปลง่ายๆว่าเป็นข้าวกับซุปถั่วนั่นเองคนเนปาลจะรับประทาน Dal Bhat กันทุกวัน เป็นอาหารหลัก
อีกทั้งทางโรงแรมจะต้องจัดหาที่พักให้ไกด์และลูกหาบฟรีด้วย ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่างๆจะรวมคิดมาที่เรา ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลดังนั้นแนะนำว่าอุดหนุนและกินอาหารโรงแรมเป็นหลักยกเว้นบางมื้อเบื่อจริงๆก็เตรียมอาหารไทยแบบง่ายๆที่พกพาไปได้กิน
ในการเดินทางมาเที่ยวประเทศเนปาลแบบเจาะลึก เพื่อซึมซับศิลปะและอารยธรรมอันหลากหลายที่รวบรวมผู้คนที่แตกต่างทั้งในด้านภาษาและเผ่าพันธุ์แบบเข้าถึงวิถีท้องถิ่นอันเต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหลครั้งนี้
ไม่ว่าจะเป็นทัวร์เมืองกาฐมาณฑุ รวมไปถึงเส้นทางเดินเทรค Langtang Velley ข้าพเจ้าใช้บริการทัวร์ของ เพจ Heaven On Nepal ซึ่งเป็นของทีมงานคุณอาบิน เป็นชาวเนปาลที่สื่อสารภาษาไทยได้ ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการของข้าพเจ้าได้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด
ซึ่งต้องบอกว่าประทับใจในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นงานบริการหรือการอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัยและใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้รู้สึกอบอุ่นเสมือนมาเที่ยวกับเพื่อนสนิทที่คอยดูแลต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าที่ต้องเดินทางมาเที่ยวประเทศเนปาลอีก จะต้องใช้บริการของบริษัทนี้อีกอย่างแน่นอนครับ
และถ้าท่านมาเดินเทรคเส้นนี้ในช่วงเดือน พฤศจิกายน แนะนำว่าห้ามพลาด ชิมน้ำผลไม้ท้องถิ่นของลังตังที่ชื่อว่า Seabuckthorn Juice ซึ่งเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ท้องถิ่น ทำมาจากผล Hippophae Salicifolia มีลักษณะเป็นพวง ผลเป็นลูกเล็กๆสีส้ม ชาวพื้นเมืองจะนำมาทำน้ำผลไม้ชนิดนี้ เวลากินจะมีรสหวานอมเปรี้ยว อุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ดื่มแล้วสดชื่นมากๆ แต่ระหว่างทางเดินไต่ระดับไปตามความสูงของเขาก็จะมีผลไม้ชนิดนี้ขึ้นอยู่บริเวณริมทางสามารถเด็ดกินได้เลยฟรีโดยไม่เสียเงิน
ซีบัคธอร์นSea Buckthorn นัับได้ว่าเป็นผลไม้มหัศจรรย์ที่จะทำให้คุณจะต้องทึ่งเป็นพืชโบราณที่ถือว่าเป็นเก่าแก่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง มีอายุยาวนานถึง 65 ล้านปี ได้ชื่อว่าเป็นราชาผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ อุดมไปด้วยคุณค่าของสารอาหารอยู่อย่างมากมายในสมัยกรีกโบราณได้มีการนำซีบัคธอร์นมาใช้เพื่อบำรุงรักษาม้าศึก โดยการนำผลและใบของซีบัคธอร์นมาใช้ในหลายๆวิธีเพื่อดูแลม้าให้มีสุขภาพแข็งแรงมีกำลังวังชา ขนดกมันวาว
ด้วยเหตุนี้ชาวกรีกโบราณจึงเรียกซีบัคธอร์นว่า ฮิปโปฟาเอ (Hippophae) หมายถึงม้าที่มีขนสวยเป็นเงางามผลไม้ชนิดนี้จะขึ้นอยู่ตามบริเวณที่ราบสูงที่มีอากาศหนาวจัดตลอดปี ผลจะมีสีเหลืองอมส้มรสชาติเปรี้ยว
-อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนสูงช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส
-มีวิตามินซีเยอะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่ากินส้ม15เท่า
-มีฟีนอลที่หยุดอ๊อกซิเดชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม
-มีเบต้าแคโรทีนช่วยลดการแก่ก่อนวัยของเซลล์ผิว เป็นต้น
ตามโรงแรมที่พักและร้านชาแถบหิมาลัย จะมีน้ำดื่มที่มีส่วนผสมของผลไม้ชนิดนี้จำหน่ายราคาแพงมากด้วย
ในระหว่างเดินเท้าไปยังจุดหมายปลายทางท่านจะได้เห็นความหลากหลายทางชีวภาพทั้งสัตว์ป่าและป่าไม้ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์เพราะเส้นทางเดินนี้อยู่ในอุทยานแห่งชาติลังตัง จึงได้รับการดูแลและปกป้องเป็นอย่างดี อีกทั้งท่านจะได้มาดื่มด่ำกับทัศนียภาพของหิมาลัยแบบพาโนรามา ซึ่ง Langtang Lirung จะเป็นยอดเขาที่สูงสุดในเขตลังตัง อยู่ที่ระดับความสูงถึง 7,227 เมตร ซึ่งท่านสามารถชมความตระการตานี้ได้ในระยะประชิดจากบริเวณหมู่บ้าน Kyanjin Gompa หรือถ้าหากท่านอยากสัมผัสความงดงามของเขาอย่างใกล้ชิดก็สามารถเดินขึ้นไปพิชิตยอดเขา Kyanjin Ri ที่ระดับความสูง 4,773เมตร, Menchhyamsa Ri ที่ระดับความสูง 4,590 เมตร หรือเดินไปยัง Tsergo Ri ที่ระดับความสูง 4,984 เมตร ได้
และนอกเหนือจากความงดงามของ Langtang Lirung แล้ว ในวันที่ท้องฟ้าเปิดก็ยังจะได้เห็นภูเขาหิมาลัยลูกอื่นๆได้ด้วยเช่น Ganesh Himal , Manaslu, Dorje Lakpa, Langshisha Ri,Gangchhenpo,Yala peak และ Naya Kanga ฯลฯ
แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี2015 ซึ่งเส้นทางเดินนี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ทำให้หมู่บ้านที่อยู่ในแถบนี้ได้รับความเสียหายเยอะรวมไปถึงโรงแรมที่พัก ทำให้นักท่องเที่ยวเบนจุดหมายในการเดินเทรคไปยังเส้นทางอื่นๆแทนอาทิ เช่น เส้น ABC ,เส้น EBC (Everest Base Camp ) , เส้น Mardi Himal Base Camp เป็นต้น
ปัจจุบัน ถนนและเส้นทางเดินได้รับการฟื้นฟู จนสามารถกลับมาเดินเทรคได้แล้ว อีกทั้ง โรงแรมที่พักก็มีการซ่อมแซมก่อสร้างกันขึ้นมาใหม่เพื่อเปิดรับนักเดินทางอีกครั้ง
สำหรับโปรแกรมที่ข้าพเจ้าเดินเทรคเส้นนี้ใช้ระยะเวลาทั้งหมด8วัน โดยเริ่มตั้งแต่
-วันที่1 ออกเดินทางจากโรงแรม Vannasut Hotel and Spa กลางเมืองกาฐมาณฑุ ขึ้นรถจิ๊บส่วนตัว เดินทางไปยัง Syabru Besi ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,450เมตร ใช้ระยะเวลาในการนั่งรถประมาณ6ชั่วโมงโดยประมาณในกรณีท่านนั่งรถจิ๊ฟแบบส่วนตัวแต่ถ้านั่งรถโดยสารขนาดใหญ่ร่วมกันกับผู้อื่นจะใช้เวลาในการเดินทาง8ชั่วโมง เมื่อถึงที่นี่แล้วก็เข้าพักที่โรงแรมที่พัก1คืน โรงแรมที่พักที่นี่มีห้องน้ำส่วนตัวสะดวก
- วันที่2 เริ่มเดินเทคเป็นการเดินย้อนลัดเลาะไปตามสายน้ำหิมาลัยที่ไหลลงมายังที่ต่ำเพื่อเราจะต้องไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆโดยไปพักที่ rimche ที่ระดับความสูง 2,495เมตร พักที่นี่1คืน ใช้เวลาในการเดินพร้อมแวะถ่ายรูปไป7ชั่วโมง รวมแวะกินอาหารมื้อเที่ยงระหว่างทาง โรงแรมที่พักที่นี่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัวเป็นห้องน้ำรวมสะอาดพอสมควร ในห้องพักไม่มีอะไรให้เลยมีเพียงที่นอนและหมอนท่านต้องเตรียมถุงนอนมาอย่างต่ำ1ผืนแต่ข้าพเจ้าเตรียมมา2ผืนโดยนำมาจากเมืองไทย1ผืนและได้จากบริษัททัวร์อีก1ผืน พอจะช่วยให้คลายหนาวได้ และอีกเทคนิคที่ทางทัวร์บอกถ้าอยากให้ภายในถุงนอนอบอุ่นให้ซื้อน้ำร้อนจากร้านอาหารในที่พักใส่ในกระบอกน้ำใสที่เตรียมมาแล้วยัดเข้าไปในถุงนอนมันจะค่อยๆปล่อยความร้อนออกมาซึ่งก็พอจะช่วยลดระดับความหนาวลงได้ประมาณ3-5ชั่วโมงไม่ถึงกับตลอดคืนแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีตัวช่วย และอีกหนึ่งสิ่งที่แนะนำควรเตรียมมาคือถุงทรายร้อน,แผ่นแปะร้อนของญี่ปุ่นก็จะช่วยให้อบอุ่นได้เยอะเช่นกัน
โดยระหว่างเดินของแต่ละวัน ช่วงมื้อกลางวันจะแวะ Tea house กินอาหารของคนท้องถิ่นซึ่งเปิดให้บริการอาหารสไตล์เนปาลซึ่งเป็นอาหารที่มีอัตลักษณ์แสดงถึงวัฒนธรรมดั้งเดิม ชาวเนปาลจะใช้สมุนไพรและเครื่องเทศท้องถิ่นมากมายในการทำอาหารที่มีรสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางอาหารสูง
และมีเมนูอาหารแบบทิเบตผสมผสานอยู่ด้วย โดยทุกเมนูแทบจะไม่มีเนื้อสัตว์ จะเป็นอาหารมังสวิรัติเป็นหลัก โดยวัตถุดิบเช่นผักก็จะปลูกกันเองตามธรรมชาติปลอดภัยไร้สารเคมีและแป้งที่ทำจากข้าวสาลี
ในระหว่างเดินเทรคท่านจะเห็นป้ายภาษาเนปาลบอกให้ทราบว่าที่บริเวณนี้คือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลายจุดตามภูเขาในเนปาล จะมีป้ายแจ้งแก่นักท่องเที่ยวให้รู้ว่า ห้ามกินเนื้อหมู, เนื้อควาย, เนื้อไก่ เนื่องจากชาวเมืองแถวนี้เขาเชื่อว่าเป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าของเขา และเมนูอาหารที่ครอบครัวชาวเนปาลทำก็จะเจอผัก ,ปลา, แป้ง,ไข่, ข้าว เป็นต้น
- วันที่3 เดินเทรคไปยัง Langtang Valley ที่ระดับความสูง 3,430เมตร ใช้เวลาเดิน8ชั่วโมงกับอีก30นาที พักที่นี่1คืน ที่นี่จะมีโรงแรมให้เลือกหลากหลายแบบทั้งแบบโฮมสเตย์ราคาถูกแบบห้องน้ำรวมและโรงแรมที่นี่มีห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องพักสะดวก,สะอาดและได้มาตรฐานกว่าเยอะ ซึ่งข้าพเจ้าก็ลองทั้งสองแบบแต่แนะนำว่าให้เลือกโรงแรม Sunrise Guest House เพราะค่อนข้างได้มาตรฐานสูงในพื้นที่มีห้องน้ำในห้องนอน,อาหารอร่อยและแนะนำว่าให้สั่งนมจามรีหรือนม (ํYak) มากินใส่น้ำผึ้งลงไป อร่อยแบบเหนือคำบรรยาย
ระหว่างเดินเท้าท่านจะพบเห็นตัวจามรีหรือคนท้องถิ่นจะเรียกว่า(Yak) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในสายวงศ์ตระกูลของวัวและควาย (Bovidae) จามรีเป็นสัตว์ในตระกูลวัว มีลักษณะคล้ายวัวกระทิง แต่มีขนยาวดกหนาปกคลุ่มทั่วลำตัว มีหางยาวเป็นพู่ มีเขายาวโค้ง มีจุดเด่นคือมีขนที่ยาวมาก สามารถทนความหนาวเย็นได้ถึง- 40 c° และสามารถกินหิมะและน้ำแข็งแทนน้ำ
มีความสามารถในการคุ้ยหาพืชอาหารภายใต้ชั้นหิมะได้เป็นอย่างดี จึงกล่าวได้ว่าจามรีนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีคุณประโยชน์สูง เหมาะสำหรับพื้นที่สภาพอากาศเลวร้ายและทรัพยากรมีจำกัด ส่วนใหญ่ชาวพื้นเมืองจะนิยมเลี้ยงจามรี ใช้เป็นจามรีสามารถเป็นพาหนะในการนำพาเดินขึ้นเขาหรือที่ราบสูงได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงบรรทุกสิ่งของขึ้นที่ราบสูง นอกจากนั้นก็ยังใช้ประโยชน์ในส่วนของเนื้อและนมนำมาทำเป็นอาหาร, ขนและหนังนำมาทำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม,เพิ่มความอบอุ่นให้กระโจมที่พัก, กระดูกและเขานำมาแกะสลัก เป็นเครื่องมือเครื่องใช้, ไขมันใช้เป็นเชื้อเพลิง
โดยนมของตัวจามรีนี้นอกจากจะนำมาบริโภคสดๆหรือผ่านความร้อนให้สุกแล้วเค้า ยังใช้ทำเป็นเนยแข็งสำหรับชงชาได้ด้วยเพราะมีไขมันสูง ส่วนมูลสัตว์ของจารมีก็สามารถนำไปตากแห้งใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนทรัพยากรไม้ที่มีอย่างจำกัด เรียกได้ว่าสัตว์ชนิดนี้สามารถใช้ประโยชน์ได้ครบทุกส่วน ท่านสามารถจะพบเห็นจามรีเป็นจำนวนมากในบริเวณพื้นที่เขตเทือกเขาหิมาลัย, ตอนใต้ของเอเชียกลาง, ที่ราบสูงทิเบต ไปจนถึงมองโกเลียและรัสเซีย ซึ่งเป็นเขตที่มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ครับ
- วันที่4 เดินเทรคไปยัง Kyangin Gompa ที่ระดับความสูง 3,870เมตร ใช้เวลาเดิน4ชั่วโมงกับอีก30นาที พักที่นี่1คืน ข้าพเจ้าเลือกพักที่โรงแรม Super view โรงแรมที่นี่ภายในห้องนอนปูพรมเพิ่มความอุ่นเท้าได้เยอะและมีห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องพักสะดวกได้มาตรฐาน
- วันที่ 5 วันนี้จะเป็นวันที่หนักและเหนื่อยที่สุดตื่นตั้งแต่3.30น. เริ่มเดินตั้งแต่เวลา5.00น เพราะต้องเดินไต่ระดับความสูงขึ้นไปพิชิตยอดเขา โดยเดินเทรคไปยัง Tseko Ri ที่ระดับความสูง 4,990เมตร ใช้เวลาในการเดินไปและกลับ 9 ชั่วโมง หรือถ้าประเมินสภาพร่างกายแล้วไม่ไหว ก็จะไปแค่ Kyangin Ri ที่ระดับความสูง 4,773เมตร ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินไปและกลับ 6 ชั่วโมง สรุปว่าไปได้เพียงแค่ Kyangin Ri เพราะเวลาไม่พอ กว่าจะกลับลงมาก็เกือบ11.00น.เมื่อลงมาด้านล่างเขาแล้วต้องรีบกินอาหารเช้าที่โรงแรมและเช็คเอ้าท์ออกเพื่อเดินกลับมานอนพักที่ Langtang Valley โดยใช้เวลาในการเดินกลับมาอีก6ชั่วโมงรวมแล้ววันนี้เดินทั้งหมด12ชั่วโมง โดยเข้าพักที่โรงแรม Sunrise Guest House
- วันที่ 6 เดินเทรคย้อนกลับไปทางเดิมซึ่งจะเรียกว่าเดินตามสายน้ำจากหิมาลัย เพื่อกลับไปนอนที่ Lama Hotel ใช้เวลาในการเดิน4ชั่วโมงกับ30นาที พักที่นี่1คืนโดยเข้าพักที่โรงแรมJungle view ที่นี่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัวเป็นห้องน้ำรวมสะอาด,ภายในห้องนอนไม่ใหญ่นักมีผ้าห่มให้และเครื่องนอนให้ครบดีกว่าที่ rimche
- วันที่ 7 เดินเทรคกลับมายัง Syabru Besi และพักที่นี่อีก1คืน ใช้เวลาเดิน 5ชั่วโมงโดยประมาณขาเดินกลับจะใช้เวลาเร็วขึ้นเยอะเพราะไม่ค่อยแวะถ่ายภาพเนื่องจากเก็บรูปและรายละเอียดต่างๆไว้เรียบร้อยหมดแล้วตั้งแต่ขาเดินไป โดยเข้าพักที่โรงแรมRoyal Himalaya Hotel & Lodge ข้าพเจ้ากล้าการันตีได้เลยว่าเป็นโรงแรมที่ได้มาตรฐานดีสุดในละแวกนี้ภายในห้องพักที่นี่มีห้องน้ำส่วนตัวสะดวก,มีผ้าเช็ดตัว,เครื่องนอนคุณภาพดีให้บริการ
-วันที่8 นั่งรถจิ๊บส่วนตัวกลับเมือง กาฐมาณฑุ เข้ากลับไปพักที่โรงแรม Vannasut Hotel and Spa ก่อนเดินทางกลับเมืองไทยในลำดับต่อไป
ห้องพักต่างๆตลอดทางที่เดินไปและกลับจะมีราคาใกล้เคียงกันโดยห้องพักที่ได้มาตรฐานและดีสุดราคาก็ไม่ใช่แพงคืนละ1,000รูเปียเท่านั้นถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ350บาทต่อคืน ดังนั้นแนะนำว่าให้ท่านเลือกโรงแรมดีสุดของแต่ละจุดเท่าที่จะวางแผนเลือกได้
ปัจจัยด้านอาหารคือสิ่งที่แพงสุดแต่นั่นก็คือรายได้เสริมของแต่ละโรงแรมที่พักอย่างข้าพเจ้ากินอาหารเช้า,และค่ำ ไม่รวมร้านอาหารระหว่างทางจะตกอยู่ที่วันละ2,500ถึง3,500รูเปีย คิดเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ1,225บาท ไม่รวมอาหารมื้อกลางวันระหว่างเดินกลางทางก็อยู่อีกประมาณ1,500รูเปีย คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ525บาท ดังนั้นถ้าไม่เตรียมอาหารไปกินเองแบบประหยัดจริงๆค่าอาหารคือค่าใช้จ่ายเยอะสุดประมาณวันละ1,500-2,000บาท
ซึ่งท่านต้องทำใจยอมรับข้อนี้ให้ได้ ที่อาหารแพงเพราะขนส่งลำบากต้องจ้างคนเดินเท้าหรือใช้การขนส่งด้วยม้า ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่างๆจะสูง อีกทั้ง อาหารแต่ละมื้อที่เรากิน จะรวมอาหารสำหรับไกด์และลูกหาบของเราแล้ว ซึ่งทางโรงแรมและร้านอาหารจะเตรียมอาหารท้องถิ่นที่ชื่อว่า“Dal Bhat”
Dal แปลว่า ซุปถั่ว
Bhat แปลว่า ข้าว
อาหารประจำชาติเนปาลจานนี้จึงแปลง่ายๆว่าเป็นข้าวกับซุปถั่วนั่นเองคนเนปาลจะรับประทาน Dal Bhat กันทุกวัน เป็นอาหารหลัก
อีกทั้งทางโรงแรมจะต้องจัดหาที่พักให้ไกด์และลูกหาบฟรีด้วย ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่างๆจะรวมคิดมาที่เรา ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลดังนั้นแนะนำว่าอุดหนุนและกินอาหารโรงแรมเป็นหลักยกเว้นบางมื้อเบื่อจริงๆก็เตรียมอาหารไทยแบบง่ายๆที่พกพาไปได้กิน
ในการเดินทางมาเที่ยวประเทศเนปาลแบบเจาะลึก เพื่อซึมซับศิลปะและอารยธรรมอันหลากหลายที่รวบรวมผู้คนที่แตกต่างทั้งในด้านภาษาและเผ่าพันธุ์แบบเข้าถึงวิถีท้องถิ่นอันเต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหลครั้งนี้
ไม่ว่าจะเป็นทัวร์เมืองกาฐมาณฑุ รวมไปถึงเส้นทางเดินเทรค Langtang Velley ข้าพเจ้าใช้บริการทัวร์ของ เพจ Heaven On Nepal ซึ่งเป็นของทีมงานคุณอาบิน เป็นชาวเนปาลที่สื่อสารภาษาไทยได้ ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการของข้าพเจ้าได้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด
ซึ่งต้องบอกว่าประทับใจในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นงานบริการหรือการอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัยและใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้รู้สึกอบอุ่นเสมือนมาเที่ยวกับเพื่อนสนิทที่คอยดูแลต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าที่ต้องเดินทางมาเที่ยวประเทศเนปาลอีก จะต้องใช้บริการของบริษัทนี้อีกอย่างแน่นอนครับ
Written December 4, 2023
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
200codan
Kendal, UK4 contributions
May 2017 • Couples
Langtang is a beautiful valley, relatively easy trekking, lots of tea houses, fantastic flora and fauna.
The area was severely hit by the Earthquake in April 2015 but the paths are fixed, rebuilding is going ahead rapidly. The area need your tourist dollars to prosper and your life will be enriched for the experience.
Just one plea from me. As in so many areas the effects of plastic litter are very obvious. The is no effective waste management anywhere in the Langtang valley. At the top of the valley near the mountains it is considered an insult to the God of the mountain to burn rubbish as the smoke goes to the mountain. Any plastic you leave there will be dumped on the ground.
If you take plastic into the park please bring it out again.
If you buy things that came in plastic please carry the wrappings out with you.
If you see plastic litter on the path please pick it up and carry it out with you.
Other trekkers and locals will see you doing this and hopefully a few more people will get the message and littering can be reduced.
The area was severely hit by the Earthquake in April 2015 but the paths are fixed, rebuilding is going ahead rapidly. The area need your tourist dollars to prosper and your life will be enriched for the experience.
Just one plea from me. As in so many areas the effects of plastic litter are very obvious. The is no effective waste management anywhere in the Langtang valley. At the top of the valley near the mountains it is considered an insult to the God of the mountain to burn rubbish as the smoke goes to the mountain. Any plastic you leave there will be dumped on the ground.
If you take plastic into the park please bring it out again.
If you buy things that came in plastic please carry the wrappings out with you.
If you see plastic litter on the path please pick it up and carry it out with you.
Other trekkers and locals will see you doing this and hopefully a few more people will get the message and littering can be reduced.
Written May 28, 2017
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
asmtreks
Kathmandu, Nepal8 contributions
Jan 2018
The various ways to reach Langtang Valley are by hiking for few more days(worth it!), probably by helicopter as well. Using land transport is pretty challenging as the off roads being highly risky.
For those who can hike 5-6 hrs a day, one can get a ride from Kathmandu to Sybrubensi (1,550m) for 6-7 hours. Next day, start trekking from Syabrubensi to Lama Hotel(2,380m) for 5-6 hours, stay there for the night. Next day, hike to Langtang(3330m) might take 5-6 hours approx. If you can move further you can proceed to Kyanjin Gompa at 3730m, with 3-4 hours extra walk to spend the night there. Else, stay at Langtang back there. One needs to acclimatize with the altitude and the better place is at Tserko-Ri at 4,985m. Enjoy there!
To get back, is via same route or proceed to Lama Hotel from Kyanjin Gompa and from there to Thulosyabru upto Thulo Bharkhu spending nights in between. Finally, back to Kathmandu by ride.
The total of 8 to 10 days trip duration would be comfortable for 5-6 hr/day hikers.
Langtang valley is residing to the North of Kathmandu valley on the foot of the Himalayas with narrow mountain valleys. The scenery of Langtang region is remarkably enthralling offering surreal massif, glaciers, greens and rivers with ethnic villages and monasteries of distinct culture and lifestyle of Langtang region.
A Must Go!
For those who can hike 5-6 hrs a day, one can get a ride from Kathmandu to Sybrubensi (1,550m) for 6-7 hours. Next day, start trekking from Syabrubensi to Lama Hotel(2,380m) for 5-6 hours, stay there for the night. Next day, hike to Langtang(3330m) might take 5-6 hours approx. If you can move further you can proceed to Kyanjin Gompa at 3730m, with 3-4 hours extra walk to spend the night there. Else, stay at Langtang back there. One needs to acclimatize with the altitude and the better place is at Tserko-Ri at 4,985m. Enjoy there!
To get back, is via same route or proceed to Lama Hotel from Kyanjin Gompa and from there to Thulosyabru upto Thulo Bharkhu spending nights in between. Finally, back to Kathmandu by ride.
The total of 8 to 10 days trip duration would be comfortable for 5-6 hr/day hikers.
Langtang valley is residing to the North of Kathmandu valley on the foot of the Himalayas with narrow mountain valleys. The scenery of Langtang region is remarkably enthralling offering surreal massif, glaciers, greens and rivers with ethnic villages and monasteries of distinct culture and lifestyle of Langtang region.
A Must Go!
Written July 20, 2018
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
Jessica O
27 contributions
Apr 2017 • Solo
Don't miss the Langtang Valley Trek. I still can't believe I got to have this experience. As a woman traveling solo and carrying my pack by myself (and not a super athletic person), it was one of the more physically demanding yet rewarding experiences of my life. I also felt totally safe and protected the whole time by all the porters and guides who were keeping a similar pace - they all noticed I was traveling alone on the first day, and befriended, cared for and looked out for me automatically. This place deeply touched my heart.
Written April 26, 2017
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
Global Nepal Treks
Kathmandu Valley, Nepal42 contributions
Jan 2019
Langtang trek is heading north ward through the picturesque foothills and ridge line panorama, from Syabru Bensi the trekking trail takes us all the way through the rugged terrains crossing the pristine forests of Bamboo, Oaks, pines and Maples and Langtang Khola narrow valley towards beautiful Langtang valley is the biggest Tamangs settlement rich in Tibetan culture, here you get an opportunity to explore and experience their typical culture, tradition, ancient trading style and hardship of their lifestyle. From Langtang valley the trekking trail heads toward the famous Hindu and Buddhist pilgrimage and holy Lake of Gosainkunda 4,300m. Gosainkunda Lake is the Combination of more than ten lakes including Saraswatikunda, Bhairabkunda, and Gosainkunda itself. If you visit the lake in August you can witness a full moon festival where thousands of pilgrims come to visit the lake. Form Gosainkunda the trail ascend up to climb over the Laurebena Pass 4610m. the place offer you the most magnificent view of the high glaciated mountains of this region Langtang Lirung, Ganesh Himal, Gangchempo, Dorje Lakpa, Langshisa Ri, Yala peak, Naya Kang, Morimoto peak and some huge glaciers of the region. Crossing over this the trail will take you up to the beautiful Sherpa land of Helambu. In Helambu you can explore the famous Tibetan gompa and experience the Tibetan culture. From this region, we trek back via Melamchi.
Written July 1, 2019
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
Art P
19 contributions
Dec 2018 • Couples
Lantang Vally is one of the easier and more heavily traveled trekking routes in Nepal. It is also the same valley that was so badly hit by the earthquake in 2015. Typically people hike up to the head of the valley, spend a day or two and hike back out on the same trail; round trip a relaxed eight to ten days. Many people prefer to hire a guide for this trek but for an experienced hiker or independent traveler a guide is not really necessary.
Written December 13, 2018
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
Elvinaooi
Kuala Lumpur, Malaysia105 contributions
Mar 2017 • Couples
Nepal is unforgettable! My husband & I recently did the Langtang valley trek in mid March with Nepal Eco Adventure. This is our 2nd trek with the same company. Due to the good experience from our first trek, we requested for the same guide Ram (Jirel Hukum) and friendly porter, Ratna.
Langtang Valley, which was affected most by the 2015 earthquake is now opened to trekkers. Tea houses are gradually being built to cater to the growing number of trekkers. It is a good time to go Langtang now as one can help support the locals.
We did the 6 day trek across Langtang Valley. It was awesome and memorable. Do not let the drive from Kathmandu to Syabrubesi deter you from doing this trek! Before we decided on this trek, we heard of horror stories about buses falling off the cliff and we almost changed our minds. Finally, we decided to pay a bit more and opted to take the private jeep to the trailhead.
As it turns out, taking the private jeep was an incredible experience by itself, thanks to our competent driver Shree D. Not only was he skilful in maneuvering tight corners and narrow mountain roads, he is also a great singer and entertained us all the way from Kathmandu to Syabrubesi & back. He introduced us to some popular Nepali songs and we couldn't stop listening to them even when we got home!
Langtang valley and its National Park offer amazing views and diverse landscapes. We trekked through fallen rocks, loose stones, boulders, gravel paths, snow, rain, river, bridges, villages, mani walls, stupas and along the way we were greeted by Nepal gray langur monkeys, deers, goat, mules, horses, donkeys and yaks.
March is a great time to trek as we get to experience all four seasons in one trek; sun, rain, snow & wind although the nights may sometimes be unbearably cold and we have to go without shower during the trek as there was no running water at some higher altitude teahouses as pipes were frozen. All these inconveniences is nothing when compared to the breathtaking views of the trek during this season. It is also less crowded and we were the only guests in certain teahouses.
We highly recommend our guide Ram from Nepal Eco Adventure. He is very experienced, friendly and professional & takes really nice candid photos. We couldn't be happier! We will definitely be back in Nepal again soon!
Langtang Valley, which was affected most by the 2015 earthquake is now opened to trekkers. Tea houses are gradually being built to cater to the growing number of trekkers. It is a good time to go Langtang now as one can help support the locals.
We did the 6 day trek across Langtang Valley. It was awesome and memorable. Do not let the drive from Kathmandu to Syabrubesi deter you from doing this trek! Before we decided on this trek, we heard of horror stories about buses falling off the cliff and we almost changed our minds. Finally, we decided to pay a bit more and opted to take the private jeep to the trailhead.
As it turns out, taking the private jeep was an incredible experience by itself, thanks to our competent driver Shree D. Not only was he skilful in maneuvering tight corners and narrow mountain roads, he is also a great singer and entertained us all the way from Kathmandu to Syabrubesi & back. He introduced us to some popular Nepali songs and we couldn't stop listening to them even when we got home!
Langtang valley and its National Park offer amazing views and diverse landscapes. We trekked through fallen rocks, loose stones, boulders, gravel paths, snow, rain, river, bridges, villages, mani walls, stupas and along the way we were greeted by Nepal gray langur monkeys, deers, goat, mules, horses, donkeys and yaks.
March is a great time to trek as we get to experience all four seasons in one trek; sun, rain, snow & wind although the nights may sometimes be unbearably cold and we have to go without shower during the trek as there was no running water at some higher altitude teahouses as pipes were frozen. All these inconveniences is nothing when compared to the breathtaking views of the trek during this season. It is also less crowded and we were the only guests in certain teahouses.
We highly recommend our guide Ram from Nepal Eco Adventure. He is very experienced, friendly and professional & takes really nice candid photos. We couldn't be happier! We will definitely be back in Nepal again soon!
Written April 2, 2017
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
Oriental.Journeys
Kathmandu Valley, Nepal26 contributions
Apr 2018 • Friends
Langtang Valley is best to trek. I found it amazing when I was there during April season first time in 1999 AD.After then I have been traveling once a year every. The vegetation are so diverse. Walking trail and wild animals abundantly seen makes one's trek memorable. I recommend to travel there round the year except Mid July to Mid September.Because you might be disturbed by floods.
Written December 5, 2018
This review is the subjective opinion of a Tripadvisor member and not of Tripadvisor LLC. Tripadvisor performs checks on reviews as part of our industry-leading trust & safety standards. Read our transparency report to learn more.
We (2 people) plan to hike along Langtang trek around mid April,
Should I book accommodations in advance or just walk-in?
And if I need to book rooms in advance, how can I book them? Through travel agents?
Thank you
Written December 13, 2022
I do not think so. Lodges were available. I do not know when you are going but number of trekkers in this region is less than in others. The three main settlements Lama hotel, Langtang and Kyangjin gompa have lots of lodges.
Written October 8, 2019
How much money to take on the trek
Written March 3, 2019
It is highly recommended to trek with with a guide from Trekking company. Regarding the budget Nepali currency equivalent to 80-85 US$ will be sufficient for the trek. Cost for beverages will be extra.
Written March 6, 2019
MAy i ask if mid of November a good season for hiking in Langtang trek?
Written December 5, 2018
Perfect time to go langgang Treks and most of Nepal high elevation trek.
Written January 9, 2019
Hola. Es necesario llevar una tienda de campaña para hacer el langtang trek? O hay suficientes lugares que ofrecen hospedaje? Quiero ir en diciembre
Written May 11, 2018
You don't need to take any tents to trek normal trekking route of Langtang valley. The area was completely devasted during mega-earthquake of 2015. however, it has completed the reconstruction works. and all the lodges are in operation. You will get accommodation easily.
Written March 30, 2019
Hello, I'm wondering what lodging in a Langtang or LGH-region tea-house would cost, including breakfast and diner. Also, I assume that paying is in RS, small notes, not in $. Is that correct?
Thanks for answering.
Hans
Written August 3, 2017
You'll need a minimum of 20 US dollars a day. Then if you've got a sweet tooth or a liver that require some feeding at the end of a day's walk, you will need more for chocolate and beer.
And yes, nepali RS only
Written March 18, 2018
elainesmy
Newcastle upon Tyne, United Kingdom
Hi,
I'm a sole female who would like to join a group trek to the Langtang Valley for around 7 days as I only have 12 days in Nepal and would like to try to get to Pakhara if possible. Can anyone recommend a good trekking company whose group tour I might be able to join? Would it be possible for me to land in Kathmandu and join a trek the next day or should I book this in advance before I travel? Thanks
Written January 22, 2017
I used Nepal Lion Tours and Treks and they were great. Although i'm not sure if they do group tours - I think they only do private tours. Having said that, they joined me up with a British couple so in the end there were three of us plus a guide and their porter, which made for a nice group. (This was for Poon Hill not Langtang by the way). Nepal is awesome! Enjoy!
Written December 21, 2018
How can we 2 people book a trekking-tour 7days to Langtang Valley from Jan,19 to Jan,26 next year ? what website provides tour like that by group 10-12 ?
Written November 28, 2016
the easiest way to book is probably arriving to kathmandu a few days before and pick an agency here. online booking will most likely be more expensive. you also dont need a guide for the trekk, a map is enough in which case you just need to sort the permits which should take 24h :) you can get the permits at the entrence to the park, but for double the price. if you are going i recommend staying at the woodland lodge, the owners are the most caring and friendly people, and the daal bhat is fantastic. at the top in kyajin there is the friendly guest house (i think, something with friend in the name anyway) that have indoor heating and hot water, a blessing in the cold. sorry for late reply, hope that it will still be useful.
Written January 5, 2017
Showing results 1-8 of 8
Is this your Tripadvisor listing?
Own or manage this property? Claim your listing for free to respond to reviews, update your profile and much more.
Claim your listing